ประวัติวัดนาทราย
.....................................

วัดนาทราย ตำบลนาทราย อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน เริ่มก่อตั้งมาก่อนปีพ.ศ.2474 โดยจนถึงปัจจุบันมีอายุประมาณ 200 กว่าปี ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2474 โดยมีครูบาอินทร์ อินฺโท เป็นเจ้าอาวาสวัดรูปแรก พระครูพุทธวงษ์นุรักษ์ (ครูบาเปียง ธนญฺชโย น.ธ.ตรี) เป็นเจ้าอาวาส รูปที่ 2และเป็นเจ้าคณะตำบลนาทราย รูปที่ 2 ซึ่งก่อนหน้านั้นมีพระภิกษุอีกหลายรูปที่เข้ามารับหน้าที่รักษาการเจ้าอาวาส วัดนาทรายเริ่มสร้างวิหารหลังเดิม พ.ศ.2475 โดยใช้ก้อนหินมาเผาไฟ เพื่อทำเป็นปูนซีเมนต์แบบโบราณ นับเป็นภูมิปัญญาไทยของคนโบราณ ซึ่งในสมัยนั้น มีครูบาอินทร์ อินฺโท เป็นเจ้าอาวาส โยมีพระพุทธเมตตา เป็นพระประธานในวิหาร หลังจากครูบาอินทร์ อินฺโท เจ้าอาวาสวัดนาทรายได้มรณภาพลง ก็ได้ประชุมเพลิง ณ สุสานบ้านหลวง ซึ่งเป็นหมู่บ้านที่ใหญ่ในสมัยนั้นและอยู่ติดวัดนาทราย ปัจจุบันสถานที่ประชุมเพลิงครูบาอินทร์ อินฺโท นั้น เป็นจอมปลวกสูงขนาดเอว มีไม้ไผ่โผล่ตรงกลางจอมปลวก เมื่อหลายปีก่อน หลวงพ่อพระครูอินทวุฒิคุณ เจ้าคณะอำเภอลี้ วัดบ้านกลาง เคยนำพระภิกษุสามเณรและคณะศรัทธาญาติโยม ได้นำข้าวตอกดอกไม้ลำเทียน ได้กล่าววันทาน้อย ขอขมา ณ กู่อัฐิธาตุจอมปลวกครูบาเจ้าอินทร์ อินฺโท อดีตเจ้าอาวาสวัดนาทรายมาแล้ว (ถ้ามีโอกาสจะได้ร่วมกันสร้างพระธาตุและหล่อรูปเหมือนถวายไว้ ณ บริเวณดังกล่าว เพื่อเป็นสถานที่กราบไหว้บูชาตลอดเวลา)
          สมัยครูบาเปียง ธนญฺชโย เป็นเจ้าอาวาส ได้ขออนุมัติสร้างกุฏิครึ่งปูน โดยใช้ก้อนหินผาเผาไฟเพื่อทำปูนซีเมนต์แบบโบราณ นับเป็นภูมิปัญญาไทยของคนโบราณ โดยเป็นตึกครึ่งปูนครึ่งไม้ขึ้น 1 หลัง เรียกว่า โฮงตึก หรือ โรงตึก(กุฏิสงฆ์) จำนวน 2 ชั้น ชั้นล่างเป็นที่เก็บของ ถ้วยโถโอชาม ชั้นที่ 2 เป็นที่พักของเจ้าอาวาสและพระภิกษุสามเณรและพระสงฆ์สามเณรที่มาเยี่ยมเยียน แลเป็นสถานที่ทำวัตรเย็นก่อนนอน พร้อมทั้งบูรณะวิหารในปี 2500 ฉลอง 25 พุทธศตวรรษ สมัยจอมพลป.พิบูลสงคราม เป็นนายกรัฐมนตรี พบ.ต.อ.เผ่า ศรียานนท์ เป็นอธิบดีกรมตำรวจ ประธานคณะกรรมการจัดงานฉลอง 25 พุทธศตวรรษ เป็นเจ้าของคำขวัญ “ภายใต้ดวงอาทิตย์นี้ ไม่มีสิ่งใดที่ตำรวจไทยทำไม่ได้”
          ในปีพ.ศ.2514 ได้ขออนุมัติสร้างศาลาบาตรขึ้น 1 หลัง ความยาว 100 เมตร ความกว้าง 6 เมตร และในปีพ.ศ.2516 ได้ขออนุมัติสร้างอุโบสถขึ้นหนึ่งหลัง ความยาว 24 เมตร ความกว้าง 8 เมตร เพื่อสะดวกในการทำสังฆกรรมต่างๆ
          และในวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ.2516 วันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 พระอธิการเปียง ธนญฺชโย(ครูบาเปียง ธนญฺชโย) เจ้าอาวาสวัดนาทราย ได้รับพระราชทานสัญญาบัตรพัดยศ ชั้นประทวนสมณศักดิ์ จากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในราชทินนามที่ พระครูเปียง ธนญฺชโย นำความปลาบปลื้มปิติยินดีมาสู่คณะสงฆ์และคณะศรัทธาวัดนาทราย
          ในปีพ.ศ.2520 พระครูเปียง ธนญฺชโย เจ้าอาวาสวัดนาทรายและเจ้าคณะตำบลนาทราย รูปที่ 2 ต่อจากหลวงพ่อพระครูโสภณสมณวัตร(ครูบาเสย) วัดผาลาด อดีตเจ้าคณะตำบลนาทราย รูปแรก พระครูเปียง ธนญฺชโย ได้รับพระราชทานสัญญาบัตร พัดยศ ชั้นพระครูสัญญาบัตร เจ้าคณะตำบลชั้นตรี(จต.ชต.)จากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในราชทินนามที่ พระครูพุทธวงศานุรักษ์ จากผลงานที่มากมายและอุปสรรคนานับปการในสมัยนั้น ที่คณะศรัทธายังมีเศรษฐกิจไม่ดีนัก จึงนำความปลายปลื้มปิติยินดีมาสู่คณะสงฆ์และคณะศรัทธาวัดนาทรายอีกครั้งหนึ่ง
          ทีนี้วกมาในเรื่องการสร้างอุโบสถ เพื่อประกอบพิธีสงฆ์ ในสมัยพระเดชพระคุณพระราชสุตาจารย์(สิงฆะ) วัดจามเทวี เป็นเจ้าคณะจังหวัดลำพูน พระญาณมงคล วัดมหาวัน เป็นรองเจ้าคณะจังหวัดลำพูน พระธรรมโมลี หรือในราชทินนามต่อมคือ พระเดชพระคุณพระสุเมธมังคลาจารย์ (อมร อมรปญฺโญ น.ธ.เอก,ป.ธ.7) เจ้าอาวาสวัดพระธาตุหริภุญชัย วรมหาวิหาร เป็นเจ้าคณะภาค 7 (เป็นเจ้าคณะภาค 7 จำนวน 5 สมัย 20 ปี)
          ในปี 2545 พระอธิการติ๊บ อคฺคธมํโม เป็นเจ้าอาวาสวัดนาทราย เป็นต้นมา ได้อาศัยบารมีธรรมครูบาอาจารย์ทั้งหลาย เช่น พระครูบาป่านิกร ชัยยะเสโณ เจ้าอาวาสวัดพระบรมธาตุแก่งสร้อยและประธานสงฆ์พุทธอุทยานชัยยะสุขังปางประทีป เมตตาเป็นประธานบูรณปฏิสังขรณ์ วิหาร อุโบสถ ศาลาบาตร กุฏิสงฆ์ กำแพงวัด วิหารพระพุทธะม่วงคำธรรมโชติ ศาลาบำเพ็ญบุญ ประตูโขง ห้องสุขา เป็นต้น
          ด้วยผลงานดังกล่าว พระอธิการติ๊บ อคฺคธํมโม เจ้าอาวาสวัดนาทราย จึงได้รับพระราชทานสมณศักดิ์จากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 เป็นพระครูสัญญาบัตร เจ้าอาวาสวัดราษฎร์ชั้นโท(จร.ชท.) ในราชทินนาม พระครูประโชติธรรมวิสิฐ จรงชท. นำความปลาบปลื้มยินดีมาสู๋คณะสงฆ์และคณะศรัทธาวัดนาทราย ซึ่งอยู่ในสมัยของพระเดชพระคุณ พระเทพรัตนนายก เจ้าคณะจังหวัดลำพูน เจ้าอาวาสวัดพระธาตุหริภุญชัย วรมหาวิหาร และประธานโครงการหมู่บานรักษาศีล 5 หนเหนือ พระเดชพระคุณ พระศรีธรรมโสภณ รองเจ้าคณะจังหวัดลำพูน พระครูวิบูลเจติยาทร รองเจ้าคณะจังหวัดลำพูน
          ในปีพ.ศ.2560 พระอธิการติ๊บ อคฺคธมํโม เจ้าอาวาสวัดนาทราย เดินทางประชุมคณะสงฆ์จังหวัดลำพูน ณ วัดพระธาตุหริภุญชัย วรมหาวิหาร ได้จับสลากโชคดีได้รับงบประมาณสนับสนุนจากมูลนิธิพระบรมธาตุเจ้าหริภุญชัย จำนวน 100,000 บาท(หนึ่งแสนบาทถ้วน) จึงได้นำมาสมทบสร้างโขงประตูวัดนาทราย ซึ่งใช้งบในการก่อสร้างถึง 160,000 บาท ซึ่งเป็นบุญกุศลร่วมกันและความภาคภูมิใจร่วมกันที่เห็นวัดนาทรายมีการพัฒนาไม่หยุดยั้งตามรอยครูบาอาจารย์และบรรพบุรุษ
          ในปัจจุบัน หลังจากที่พระครูประติธรรมวิสิฐ(ติ๊บ อคฺคธํมโม) อดีตเจ้าอาวาสวัดนาทราย ได้มรณภาพลงเมื่อวันที่ 15 กันยายน 2567 ด้วยโรคประจำตัว
          คณะสงฆ์อำเภอลี้และคณะสงฆ์ตำบลนาทราย โดยหลวงพ่อพระครูอินทวุฒิคุณ เจ้าคณะอำเภอลี้ วัดบ้านกลาง หลวงพ่อพระครูพุฒิธรรมสุนทร รองเจ้าคณะอำเภอลี้ วัดแม่ตืน หลวงพ่อพระครูอุปภัมภ์สังฆกิจ รองเจ้าคณะอำเภอลี้ วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม พระครูวิจิตรปริยัติการ ดร.เจ้าคณะตำบลนาทราย เขต 1 วัดพวงคำและคณะสงฆ์ทั้งปวง จึงลงมติในที่ประชุมได้แต่งตั้ง พระสามารถ นิปโก อายุ 25 พรรษา 5 ให้ดำรงตำแหน่ง รักษาการเจ้าอาวาสวัดนาทราย พระสยุมภู ญาณสุทโธ ดำรงตำแหน่งรองเจ้าอาวาสวัดวัดนาทราย ได้บริหารงานในตำแหน่งในบทบาทเจ้าคณะพระสังฆาธิการ ตำแหน่ง เจ้าอาวาส เช่น งานด้านการศึกษา ปกครอง สาธารณูปการ สาธารณะสงเคราะห์และด้านการเผยแผ่ธรรมะคำสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า โยอาศัยครูบาอจารย์ เจ้าคณะผู้ปกครอง เป็นแบบอย่างและโปรดแนะนำให้ยึดถือเป็นลำดับมา ให้มีขันตติคุณ สีลาสุตาธิคุณและอาจาริยวัตรที่งดงาม งามในเบื้องต้น งามในท่ามกลางและงามในที่สุด ตามธรรมะคำสั่งสอนของพระพุทธองค์โดยเคร่งครัดเป็นลำดับ จะคิดจะพูด จะทำอะไร ก็มีมตินึกคิดในพระธรรมคำสอนและธรรมะคำสอนของครูบาอาจารย์และเจ้าคณะผู้ปกครอง ช่วยตักเตือนตลอดมา
          จึงหวัดนาทราย ตำบลนาทราย อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน พร้อมด้วยคณะศรัทธาทุกหลังคาเรือน มีแต่ความสุข ความเจริญ ความสมัครสมานสามัคคีกันตลอดมา อยู่ด้วยกันถ้อยทีถ้อยอาศัยเหมือนญาติพี่น้องทุกครังเรือน ช่วยเหลือกันและกันตลอดมา

(บันทึกจาก หนังสือที่ระลึกงานพระราชทานเพลิงศพ พระครูประโชติธรรมวิสิฐ (อายุ 66 พรรษา 23 น.ธ.ตรี) อดีตเจ้าอาวาสวัดนาทราย ตำบลนาทราย อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน วันที่ 24 – 26 มกราคม 2568 เมรุชั่วคราวปราสาทนกหัสดีลิงค์ วัดนาทราย ตำบลนาทรสย อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน)

ป้ายชื่อวัดนาทราย ตั้งอยู่บริเวณถนนในหมู่บ้าน แยกเข้าสู่วัดนาทราย
ในป้ายบางส่วนใช้อักษรล้านนา(ตั๋วเมือง)

ด้านหน้าพระวิหารวัดนาทราย

พระอุโบสถ

หอธรรมวัดนาทราย รูปทรงสวยงาม ยกพื้นสูง

วิหารพระนอนวัดนาทราย

ศาลาพิธี วัดนาทราย

พระวิหารพุทธม่วงคำธรรมโชติ

พระเจดีย์วัดนาทราย

ศาลาพิธี ที่ตั้งศพบำเพ็ญกุศลพระครูประโชติธรรมวิสิฐ

 พระพุทธบาทผาหนามตั้งอยู่ในเขตที่ 16 อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน นับเป็นปูชนียสถานที่สำคัญแห่งหนึ่งของอำเภอลี้ เพราะในเดือนเมษายนของทุกปี จะมีงานนมัสการสรงน้ำพระธาตุเจดีย์และพระบาทเป็นประจำ โดยมีประชาชนทั่วทุกสารทิศหลั่งไหลกันมาทำบุญเป็นจำนวนมาก ลักษณะพระบาทเป็นรอยค่อนข้างชัดเจนเหยียบประทับไว้บนแผ่นหินบนดอยผาหนาม ปัจจุบันสร้างมณฑปรูปเจดีย์ครอบไว้และพุทธศาสนิกชนต่างหใความศรัทธาว่าเป็นรอยพระบาทของพระองค์ รอยพระบาทแห่งนี้ถูกค้นพบมานานเท่ามดไม่ปรากฎ แต่จากหลักฐานที่พบเข้าใจว่าจะเป็นวัดมาก่อน เพราะพบซากอิฐปรักหักพังและรายชื่อเจ้าอาวาส 8 รูปนับย้อนหลังอายุการครองวัดไปเกือบถึง 300 ปี 

อ่านเพิ่มเติม...

                วัดลี้หลวง ตั้งอยู่หมู่ที่ ๖ ตำบลลี้ อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน เป็นวัดที่ตั้งขึ้นมานานแล้วโดยมีความเกี่ยวข้องกับความเป็นมาของเมืองโบราณที่เรียกว่า เวียงเก่า หรือเวียงเจดีย์ ดังนี้

อ่านเพิ่มเติม...

ประวัติวัดบ้านปาง

ตำบลศรีวิชัย  อำเภอลี้  จังหวัดลำพูน

............................

วัดบ้านปาง  ตั้งอยู่ในเขตตำบลศรีวิชัย(เดิมเป็นตำบลแม่ตืน) ตั้งอยู่ในหมู่บ้านที่เรียกว่า บ้านปาง ห่างจากที่ว่าการอำเภอลี้ประมาณ ๔๐ กิโลเมตร ซึ่งเป็นตำบลที่อยู่ด้านทิศเหนือของอำเภอลี้ มีเขตติดต่อกับอำเภอบ้านโฮ่ง

บนถนนสายลำพูนที่จะมุ่งหน้าไปอำเภอลี้ เมื่อผ่านอำเภอบ้านโฮ่งไปไม่ไกลนักก็จะถึงบ้านปาง

อ่านเพิ่มเติม...

ประวัติวัดพระธาตุห้าดวง
..........................

นะโมตัสสะ โสทุสสนะ ปางเมื่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงพระนามว่า "พระสมณโคดม" (องค์ปัจจุบัน) ยังทรงบำเพ็ญบารมีเป็นพระโพธิสัตว์ พระองค์ได้เวียนว่ายตายเกิดอยู่ในวัฏสงสาร เป็นเวลา ๔ อสงไขยกับอีกแสนมหากัป พระองค์เกิดมาเป็นสัตว์เดรัจฉานบ้างเป็นมนุษย์บ้าง เพื่อสร้างสมบารมีเป็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในพระชาติต่างๆของพระองค์ก็ล้วนแล้วแต่บำเพ็ญเพื่อตรัสรู้พระธรรมอันประเสริฐหรืออนุตตรสัมโพธิญาณ เพื่อพาสรรพสัตว์ทั้งหลายซึ่งดำเนินรอยตามพระองค์ ให้พ้นจากความทุกข์ทั้งมวล โดยไม่กลับมาเกิดอีก นั่นคือ พระนิพพาน

อ่านเพิ่มเติม...

เนื้อหาอื่นๆ...

  1. วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม